“ศักดิ์สยาม” เปิดประชุม “ขนส่ง APEC” ดันไทยฮับโลจิสติกส์อาเซียน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมคณะทำงานด้านการขนส่งของเอเปค (APEC Transportation Working Group: TPTWG) ว่า การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้เป้าหมายหลัก คือ การขนส่งที่ไร้รอยต่อ อัจฉริยะ และยั่งยืน เพื่ออำนวยความสะดวกการค้า การลงทุน และฟื้นฟูความเชื่อมโยงด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวในเขตเศรษฐกิจเอเปคและระดับโลก
กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลการพัฒนาคมนาคม ขนส่ง และโลจิสติกส์ของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ20ปี(ปี 61-80)นำเสนอให้กับประเทศสมาชิก จำนวน21เขตเศรษฐกิจ ได้รับทราบแผนการดำเนินการของประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้จะหารือการศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change)ทั้งเรื่องนโยบายสีเขียว (Green)และการลดคาร์บอน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ(BCG Economy)เพราะหากไม่เริ่มดำเนินการ จะโดนกีดกันทางด้านการค้า
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ระยะ20ปี กระทรวงคมนาคมนำเสนอว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการระยะที่1กล่าวคือ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่3,การพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา รวมถึงแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-Map)ทั้งนี้เพื่อเชื่อมโยงในเขตเศรษฐกิจเอเปคด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และศักยภาพที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างเขตเศรษฐกิจในการเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งของภูมิภาคคำพูดจาก สล็อตpg
นอกจากนี้ยังนำเสนอโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ และเป็นประตูเศรษฐกิจของโลก โดยไทยจะใช้ต้นแบบท่าเรือTuasประเทศสิงคโปร์ ตั้งเป้าหมายในการเป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถรองรับตู้สินค้าได้65ล้านทีอียู ในระยะ20ปี หรือปี85ส่วนประเทศไทยมีข้อได้เปรียบการเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค เชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำ ตามนโยบายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และราคาสมเหตุสมผล
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์อยู่ระหว่างการศึกษา และลงรายละเอียดตามต้นแบบประเทศสิงคโปร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในหลักการภายในปี65จากนั้นในปี66จะไปRoadshowของโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุน
ส่วนดำเนินการโครงการคาดว่า ในปี66เห็นความชัดเจนและเป็นรูปธรรม ขณะที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป โดยตามแผนธุรกิจนั้นจะแล้วเสร็จในปี73อย่างไรก็ตามตั้งเป้าหมายให้ดำเนินการแล้วเสร็จเร็วกว่าที่กำหนด เนื่องจากท่าเรือTuasใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง3ปีเท่านั้น
สำหรับรูปแบบการลงทุนมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พิจารณาศึกษาและความเป็นไปได้ในการดำเนินการ แนวทางเบื้องต้นจะเป็นความร่วมมือกับพันธมิตร (Partner)ในต่างประเทศ ที่มีสายการเดินเรือแห่งชาติ เพื่อให้คุ้มค่าการลงทุน และมีอัตราผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์ของโครงการ (EIRR)ที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไป
ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนจะประยุกต์ใช้แนวทางของท่าเรือTuasมีการลงทุนมูลค่า2.7พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ภาครัฐลงทุน40%และบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจ โดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก และไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตัวเอง ซึ่งอาจเป็นการลงทุนบริษัทในประเทศหรือบริษัทต่างประเทศ (Holding Company)ลงทุน60%สามารถคืนทุนได้ภายใน7ปี เนื่องจากใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยดำเนินการ และพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย
โครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นรูปแบบการบริหาร2ท่าเรือให้เป็นท่าเรือหนึ่งเดียวกัน (One Port Two Sides)โดยจะดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกัน ถือเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งและเศรษฐกิจใหม่ทางทะเล เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าของภูมิภาค เชื่อมการขนส่งกับเส้นทางมอเตอร์เวย์ และทางรถไฟ คู่ขนานแนวเส้นทางร่วมกันตามแผนบูรณาการมอเตอร์เวย์เชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ (MR-MAP)สร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตเศรษฐกิจในเอเปคอย่างไร้รอยต่อ
รายงานข่าวจาก สนขคำพูดจาก สล็อต888. แจ้งว่า โครงการแลนด์บริดจ์ วงเงิน1,194,307ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการลงทุนท่าเรือ วงเงิน938,607ล้านบาท และโครงการMR-MAPวงเงิน255,544ล้านบาท